Report for Thai Monk Meeting 16 Mar 2024

ศาสนกิจที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลออสเตรเลีย

 

 นับตั้งแต่การก่อตั้งวัดป่าสุญญตาราม บันดานูน ปี 1990 ทางวัดฯ ได้จัดกิจกรรมเผยแผ่ธรรมะ เพื่อความสิ้นทุกข์ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง แนวทางการช่วยเหลือประชาชนโดยธรรมโอสถนั้น ได้ตรงกับแผนการของรัฐบาลออสเตรเลีย ปี 2018 ที่ ต้องการให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ช่วยกันหาวิธี ลดปัจจัยความเสี่ยง ต่อการเกิดขึ้นของหายนะระดับชาติ อันอาจเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือเศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ เพื่อต้องการให้ประชาชนชาวออสเตรเลีย มีชีวิตอยู่โดยสุขสบาย ไม่เป็นทุกข์ 

ประเด็นหนึ่งในเนื้อหานั้น คือ การหาวิธีลดปัญหาความเจ็บป่วยทางโรคจิต การส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี และลดความเสียหายอันเกิดจากการเจ็บป่วยทางจิตใจ ของประชาชน ซึ่งนับว่าเป็นประเด็นที่ตรงกับจุดประสงค์ของการเผยแผ่ธรรมะ ของวัดป่าสุญญาตาราม บันดานูน 

รายงานฉบับนี้ จึงเป็นการสะท้อน เทียบเคียง นโยบายของรัฐบาลออสเตรเลียเกี่ยวกับสุขภาพจิต และกิจกรรมเผยแผ่ธรรมะของวัดฯ เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม และเป็นแนวทางให้วัดต่าง ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้แนวทางการเผยแผ่ธรรมะนั้น ถูกต้องตามที่ประชาชนต้องการ ผลคือสถาบันวัดไทยในออสเตรเลีย จะได้เป็นที่ยอมรับจากรัฐบาลและสังคมออสเตรเลีย

นโยบายรัฐบาลออสเตรเลีย ที่สอดคล้องกับกิจกรรมเผยแผ่ธรรมะคือ

 *Southern Highlands Destination Strategy 2020-2030

*Wingecarribee Regional Economic Development Strategy 2018-2022

*National Diaster Risk Reduction Framework

*National Strategy for Disaster Resilience

*State Recovery Plan

*Australia's health 2023, Australian Institute of Health and Welfare

 

 

จากผลกระทบทางจิตใจต่อประชาชนออสเตรเลีย อันเกิดจากหายนะไฟป่า ปี พ.ศ. 2562 และโรคระบาดโควิด ปี พ.ศ. 2562-2564 รัฐบาลออสเตรเลียได้รายงานสรุปผลร้ายหลายประการ ที่เพิ่มขึ้นก่อนหายนะนั้น อาทิเช่น

 

1. ปัญหาสุขภาพจิตของชาวออสเตรเลีย การฆ่าตัวตาย  โรคทางจิตใจ เพิ่มสูงขึ้น

 

DISASTER IMPACTS ARE LONG TERM AND COMPLEX

The impacts of disasters can be long term, complex, and intangible. Collectively, we are only now beginning    to fully understand indirect, flow on and cumulative effects of disasters. We do know that disasters can trigger long-term challenges across a range of areas, including reduced education and workforce participation, increased crime, and physical and mental health and wellbeing. These impacts are often felt disproportionately by vulnerable or susceptible groups. Factors such as health and wellbeing, economic resources, social capital and knowledge influence a person’s ability to prepare for, respond to, and recover from disasters. (p.5)

  จากรายงานของสถาบันสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ของรัฐบาลออสเตรเลีย 24 ตุลาคม 2566 สรุปว่า

ก. ปัญหาการฆ่าตัวตาย

แม้โรคระบาดโควิด จะไม่มีผลโดยตรงต่อจำนวนผู้ฆ่าตัวตาย แต่มีการฆ่าตัวตายสูงขึ้นจากปีก่อน ๆ  โดยเฉลี่ย มีการฆ่าตัวตายกว่า 3,000 คนในแต่ละปี และในปี พ.ศ. 2565 ฆ่าตัวตายถึง 3,249 ราย โดยเฉลี่ย วันละ 9 ราย

 

  • ผู้ชาย จะฆ่าตัวตาย มากกว่า ผู้หญิง 3 เท่าตัว
  • อายุของผู้ฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่ ระหว่าง 30-59 ปี
  • อัตราการเสียชิวิตของคนวัยหนุ่ม อายุระหว่าง 15 –24 ปี จำนวน 1 ใน 3 ราย เกิดจากการฆ่าตัวตาย
  • การเสียชิวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ (1,000 คน)  น้อยกว่า การเสียชีวิตจากฆ่าตัวตาย  (3,000 คน) ถึง สามเท่าตัว

 

สาเหตุของการฆ่าตัวตาย

             อันดับ 1 มีประวัติการทำร้ายร่างกายตนเอง หรือพยายามฆ่าตัวเองมาก่อน เนื่องจากหลายสาเหตุ

             อันดับ 2 ความแตกร้าวความสัมพันธ์ในครอบครัว การพลัดพลาก การหย่าร้าง

 

ผลกระทบของการฆ่าตัวตายโดยฉับพลัน

             จากรายงานของ Lifeline เดือนมกราคม 2563 (หน่วยงานสายด่วนร้องทุกข์ ที่ให้การบริการช่วยเหลือทางจิตใจกับประชาชน และได้รับการรับรองจากรัฐบาลออสเตรเลีย ) ทุกครั้งที่มีการฆ่าตัวตาย จะมีผลกระทบทางจิตใจกับอีก 135 คนรอบข้าง คือสมาชิกครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และสังคมวงกว้าง

 

 

ข. ความเจ็บป่วยทางจิตใจ เพิ่มสูงขึ้น

หายนะจากไฟป่าและโรคระบาดโควิด มีผลกระทบโดยตรงกับจิตใจชาวออสเตรเลีย

 

  • 1 ใน 5 ของผู้ใหญ่ และ 1 ใน 7 ของวัยเด็ก มีปัญหาสุขภาพจิต ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
  • ระหว่างปี พ.ศ. 2563 –2564 ชาวออสเตรเลีย 4.7 ล้านคน นับเป็น 18 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ต้องกินยาเกี่ยวกับโรคจิต
  • ในช่วงโควิด สภาพจิตใจ ( Psychological Distress) ของคนวัยหนุ่ม อายุ 18-44 ปี ตกต่ำแย่กว่า ก่อนการเกิดโรคระบาด แม้จะมีอาการดีขึ้นบ้าง แต่ยังไม่กลับเข้าสู่สภาพเดิม  
  • 1 ใน 3 ของผู้หญิง อายุ 16—24 ปี มีปัญหาสุขภาพจิตย่ำแย่
  • 1 ใน 20 เยาวชนชาวออสเตรเลียมีปัญหาสุขภาพจิต ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder)  และยังมีปัญหาตามมาแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึง 75 %

 

2. ปัญหาทางเศรษฐกิจ

ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทางจิตสูงขึ้น การจ่ายเงินทดแทนจากการลาป่วยทางจิต การตกงานเพิ่มมากขึ้น ผลผลิตทุกรายการที่ตกต่ำลง

จากรายงานของรัฐบาลออสเตรเลีย ค่าใช้จ่ายในการจัดการปัญหาอันเกิดจากโรคทางจิตของชาวออสเตรเลีย ระหว่าง ปี พ.ศ. 2563—2564 มีจำนวนถึง สองร้อยห้าสิบหกพันล้านบาท ( $11.6 billion) นับว่าเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล

1. การอบรมกรรมฐานประจำเดือน

2. การสอนธรรมะให้กับนักเรียน

3. กลุ่มยุวชนต่าง ๆ

4. การสอนธรรมะในมหาวิทยาลัย

5. กลุ่มผู้สนใจอื่น ๆ

6. พุทธศาสนาวันอาทิตย์

7. นิทรรศการพุทธศาสนา

8. หนังสือ สิ่งพิมพ์ทางธรรมะ

 

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว วัดป่าสุญญตาราม บันดานูน จึงได้จัดกิจกรรม การสอนธรรมะ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในประเทศออสเตรเลีย ดังนี้

 

1. การอบรมกรรมฐานประจำเดือน

2. การสอนธรรมะให้กับนักเรียน

3. กลุ่มยุวชนต่าง ๆ

4. การสอนธรรมะในมหาวิทยาลัย

5. กลุ่มผู้สนใจอื่น ๆ

6. พุทธศาสนาวันอาทิตย์

7. นิทรรศการพุทธศาสนา

8. หนังสือ สิ่งพิมพ์ทางธรรมะ

 

 

 

จากประสบการณ์สอนธรรมะ ตั้งแต่การก่อตั้งวัดป่าสุญญตาราม ปี พ.ศ. 2533 พระสงฆ์ได้พัฒนารูปแบบ เนื้อหา วิธีการ สอนธรรมะ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน จนทำให้จำนวนประชาชนที่ขอเข้ารับการอบรมฯ มีปริมาณมากขึ้นทุกปี

 

หมายเหตุ

 ปี 2020 –2022 กลางปี ไม่มีการอบรมฯ เพราะไฟป่าไหม้วัด และโควิด ปี 2023 เริ่มจัดการอบรมฯ ใหม่ แต่รับจำนวนได้ครั้งละไม่เกิน 25 ท่าน เพราะที่พัก กุฏิ ถูกไฟป่าไหม้

 

 

สวดมนต์แปลบาลี-อังกฤษ เลือกเฉพาะที่เกี่ยวกับกรรมฐาน เช่น ธัมมจักกัปปวัตนสูตร อนัตตลักขณสูตร อาทิตตปริยายสูตร ฯลฯ  การเทศน์สอนทั้งหมดใช้ภาษาอังกฤษ ผู้เข้ารับการอบรม ต้องเจริญสติตลอดเวลา ทั้งอิริยาบถหลักและย่อย

 

 

 

อาวาสสัปปายะ เป็นหนึ่งในสัปปายะ 7 ซึ่งทางวัดฯ โชคดีอยู่ในป่า จึงสามารถพาประชาชนนั่งภาวนา ฟังธรรม และเดินจงกรมในป่าได้สม่ำเสมอ

และเป็นที่น่าสังเกตุ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ก่อตั้งวัดฯมา คนส่วนใหญ่ชอบฟังธรรม ปฏิบัติธรรม อยู่ภายนอกอาคาร มากกว่า นั่งในศาลา

นอกจากประโยชน์ทางวิญญาณแล้ว การบริหารร่างกายโดยเดินจงกรมในป่า นั่งใต้ต้นไม้ ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพอนามัยด้วย จึงสอดคล้องกับแผนการป้องกันการเจ็บป่วยทางจิตใจ ของรัฐบาบออสเตรเลีย โดยมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการเกิดขึ้นของปัญหา มากกว่า การรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ไข

 

ในระหว่างการอบรมกรรมฐาน ประชาชนจะได้รับการฝึกฝนการปฏิบัติสมถและวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้เข้าใจชีวิตของตน สอดคล้องกับนโยบายแห่งชาติของออสเตรเลีย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชน ดังนี้

1. ให้รู้หลักในการดำเนินชีวิต อย่างมีปัญญา โดยสอนหลักปริยัติ ในขันธ์ 5 และปฏิบัติทั้งสมถและวิปัสสนากรรมฐาน และเจริญเมตตา

 

2. ส่งเสริมสุขภาพกาย โดยการบริหารร่างกาย เดินจงกรมในป่า นั่งภาวนาในสวน อาหารมังสวิรัติ อากาศเย็นบริสุทธิ์ เงียบสงบ งดเว้นบุหรีและยาเสพติดทุกชนิด รวมทั้งปิดโทรศัพท์มือถือ

.

3. สร้างกลุ่มกัลยาณมิตร ให้ช่วยเหลือกัน เป็นกำลังใจกัน ในการดูแลสุขภาพจิตของเพื่อน ๆ 

จากสถิติรายงานว่า คนที่เคยมารับการอบรมฯแล้ว กลับมาอีก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะธรรมสามารถช่วยแก้ปัญหาในชีวิตของเขาได้

 

4. ปฏิบัติการจัดการกับความตึงเครียดในชีวิต ที่รัฐบาลออสเตรเลีย แนะนำให้

องค์กรบียอน บลู เป็นองค์กรอิสระ ที่สำคัญที่สุดองค์กรหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลีย ให้ความเชื่อถือ และได้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาทางจิตใจระหว่างไฟป่าและโควิด 19 ระหว่างปี 2020-2022 เป็นอย่างมาก ได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องความเครียด กังวล กลัว 10 ประการ ซึ่งตรงกับแนวธรรมะ ที่ทางวัดฯ ได้นำมาสอนประชาชนมากว่า 34 ปีแล้ว อาทิ การสูดลมหายใจช้า ๆ ยาวๆ ลึก ๆ ในหลักอานาปานสติ การอยู่กับปัจจุบัน โดยการเจริญสติ สมาธิ การรักษาความมีไมตรีจิต ในหลักเมตตาธรรม ฯลฯ

 

5. ป้องกันการสูญเสียเงินมหาศาล จากการรักษา เยียวยา ป้องกัน แก้ไข ความเจ็บป่วยทางจิตใจ ประชาชนออสเตรเลีย ทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

 

สถาบันสุขภาพของรัฐบาลออสเตรเลีย ได้ประกาศว่า โควิด 19 มีผลกระทบทำให้มีการสูญเสียเงิน ถึง 11.6 พันล้านดอลล่าร์ ในการดูแลพยายาลทางจิตใจของชาวออสเตรเลีย  ซึ่งการสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลนั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สามารถป้องกันได้ โดยการศึกษาและปฏิบัติธรรม ซึ่งทางวัดฯ ได้มุ่งมั่นกระทำมาตลอด

 

 

 

 

6. ป้องกันการทำร้ายตนเอง และการฆ่าตัวตาย ของประชาชนวัยกลางคน

สถิติประชาชนช่วงวัยกลางคน (30—59 ปี) จะมีการฆ่าตัวตายสูงกว่าวัยอื่น ซึ่งกลุ่มวัยเดียวกันนี้ เป็นกลุ่มที่มาเข้าอบรมกรรมฐานมากที่สุด (อายุ 26-55 ปี) คิดเป็นจำนวน เกือบ 80 เปอร์เซนต์ นั่นก็คือ ทางวัดฯ สามารถช่วยประชาชนกลุ่มนี้ ให้มีธรรมะเพียงพอสำหรับการบังคับจิต แก้ความทุกข์ได้ และหลีกเลี่ยงการทำร้ายตนเอง หรือ ฆ่าตัวตาย

 

 

7. ธรรมะเพื่อเพื่อนร่วมทุกข์ สอนให้เขา เพื่อให้เขาไปช่วยคนอื่นต่อ

ในบรรดาผู้ที่มาเข้าร่วมการอบรมกรรมฐานนั้น กลุ่มใหญ่อันดับที่ 2 หรือ ผู้ที่มีอาชีพทางด้านสาธารณสุข เช่น หมอ พยาบาล สังคมสงเคราห์ เป็นต้น ประชาชนในกลุ่มนี้ นอกจากจะได้ประโยชน์กับตนเอง ในการบำบัดความเครียดจากการงานแล้ว เขายังสามารถนำเทคนิคการสอน การปฏิบัติธรรม ไปประยุกต์ใช้ในหน้าที่การงานของเขาได้ด้วย ทำให้มีความสุข และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตน นับว่ายิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว

 

8. ฝึกสอนให้ครู เพื่อครูไปสอนต่อ

The people who work in Education and Training area is the third largest population who attended the meditation retreat at the monastery.

 

ผู้เข้าอบรมกรรมฐาน กลุ่มใหญ่เป็นอันดับ 3 คือ กลุ่มครู อาจารย์ วิทยากรสาขาต่าง ๆ จากหลายสถาบัน ซึ่งนอกจากตนเองจะได้ประโยชน์แล้ว เขาเหล่านั้น ยังสามารถถ่ายทอดเทคนิค ธรรมะต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมได้อีกต่อหนึ่ง โดยเฉพาะให้ความช่วยเหลือกับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่ประสบปัญหาทางจิตใจ

ปัจจุบัน การฝึกสติ เป็นหนึ่งในสาขาวิชา ที่ครูโรงเรียนรัฐบาล ทั่วประเทศ จะต้องได้รับการอบรม ก่อนที่จะบรรจุเป็นครู และมีหลายโรงเรียนที่เริ่มฝึกสอนการเจริญสติในชั้นเรียน

 

9. ธรรมโอสถช่วยเพศมารดา

จากสถิติจำนวนผู้เข้าร่วมกรรมฐาน 66 % เป็นสตรี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเจ็บป่วยทางด้านจิตใจสูง ตามรายงานของรัฐบาลออสเตรเลีย การที่วัดฯ สามารถจัดให้มีการนอนพักค้างคือ ในระหว่างอบรมกรรมฐาน โดยไม่คิดมูลค่านั้น เป็นการช่วยเหลือสตรีเหล่านั้น รวมทั้งธรรมโอสถ และการฝึกกรรมฐาน ช่วยให้สตรีเหล่านั้น มีอินทรีย์บารมี พอที่จะเผชิญปัญหากับชีวิต และแก้ความทุกข์ของตนได้อย่างแท้จริง

 

10.ผลพลอยได้ คือช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น 

จำนวนผู้เข้าร่วมการอบรมฯ ส่วนใหญ่มาจากนครซิดนีย์ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี

 

ผู้มาร่วมอบรมฯ มาจากหลายสัญชาติ หลายภาษา วัฒนธรรม และจากหลายรัฐ และหลายประเทศ นอกจากจะทำให้เขตพื้นที่ชนบทของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย เพราะมีการใช้จ่ายเรื่องอาหาร น้ำมัน รถไฟ ฯลฯ เทศบาลท้องถิ่นและร้านค้าในชุมชนรอบวัดฯ จึงได้รับประโยชน์จากกิจกรรมของวัดฯ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐท้องถิ่นที่ต้องการให้มีกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในเขตนี้

 

 

 

 

ความสำเร็จมาจากเหตุใหญ่ 3 ประการ

ประการที่ 1

พระสงฆ์มีความตั้งใจจริงในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา และสามารถบรรยายธรรมเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว

 

พระท่านยินดี เสียสละทำงานหนัก ทุกอย่าง และสามารถวางตัวเข้ากับวัฒนธรรมของชาวออสเตรเลียได้ อย่างเหมาะสม

 

พระท่านมีความกระตือรือร้นในการสร้างสรรค์ ประดิษฐ์สื่อการสอนที่ทำให้ประชาชนเข้าใจธรรมะได้อย่างรวดเร็ว และถูกตรงสู่ความดับทุกข์ โดยถือแนวิธีการสอนจากหลวงพ่อพุทธทาส สวนโมกข์พลาราม เป็นหลัก

 

ประการที่ 2

เราคัดเลือกเฉพาะบุคคลที่มีความพร้อม ไม่มีปัญหาทางจิตมากเกินไป และให้ความร่วมมือในกติกาของวัดฯ ทำให้เกิดบรรยากาศของกัลยาณมิตร ส่งเสริมกำลังใจซึ่งกันและกัน ในการปฏับัติภาวนา โดยไร้ปลิโพธ ทุกคนที่ประสงค์จะเข้าร่วมการอบรมฯ ต้องส่งในสมัคร เพื่อสัมภาษณ์ก่อนล่วงหน้า 7 วัน

ได้ผลปรากฏดีมาก จนคนที่เคยมาแล้ว กลับมาอีก และแนะนำครอบครัว เพื่อน ๆ มาร่วมปฏิบัติธรรมด้วย โดยไม่ต้องโฆษณา

ประการที่  3

พระสงฆ์และญาติโยมอาสาสมัครเสียสละเอาใจใส่ในการจัดเสนาสนะ ให้สัปปายะต่อการปฏิบัติธรรม เช่นตัดไม้ฟืนให้ความอบอุ่น ทำความสะอาดที่พัก สถานที่นั่งภาวนา ทางเดินจงกรม จัดสวนธรรมะ และทำอาหารมังสวิรัติให้ประชาชนได้ทาน ซึ่งความเมตตาเสียสละของอาสาสมัครเหล่านี้ ทำให้วัดฯ สามารถจดำเนินกิจกรรมอบรมกรรมฐานเช่นนี้ได้ โดยไม่เป็นหนี้สิน และไม่กู้ธนาคาร เป็นการให้ธรรมทานโดยแท้

 

ดูรูปภาพและปฏิกิริยาตอบรับได้จากเวปไซต์ของวัดนี้ หรือ คลิกที่นี่